การนอนหลับ เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด และช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น มีกำลังจะทำสิ่งต่างๆ ในวันต่อไป เปรียบเสมือนการฟื้นฟู และชาร์จพลังงานของร่างกาย ดังนั้น การนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะในช่วงวัยใด ก็ย่อมเกิดผลเสีย
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาคุณภาพการนอนที่ลดน้อยลง อาจหลับยากขึ้น ตื่นบ่อย หลับไม่ลึก และตื่นมาไม่สดชื่น โดยมีสาเหตุจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงตามวัย รวมถึงอาจมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า ความเครียด ความวิตกกังวล อาการปวดต่างๆ กรดไหลย้อน ปัญหาการหายใจหรือโรคนอนกรน ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน และผลข้างเคียงจากยา
อาการนอนไม่หลับมักส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการลื่นหกล้ม อารมณ์หงุดหงิดหรือภูมิคุ้มกันลดลงจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา
การดูแลให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนที่ดี มีดังนี้
1. จัดห้องนอนให้มีบรรยากาศที่ช่วยให้หลับสบาย เช่น เงียบสงบ ใช้ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่มที่มีสีไม่ฉูดฉาด ปรับอุณหภูมิในห้องให้เหมาะสม ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป
2. พยายามนอนให้เป็นเวลาและสถานที่เดิมทุกวันเพื่อให้เกิดความเคยชิน
3. ไม่ควรเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำมากนัก เวลาที่เหมาะสมคือ 3-4 ทุ่ม และตื่นตี 4-5
4. พยายามดื่มน้ำช่วงเช้าและกลางวัน และดื่มให้น้อยลงหลังอาหารเย็น เพื่อลดการปัสสาวะตอนกลางคืน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังเวลาบ่าย 2 โมง
5. ไม่ควรนอนกลางวันเป็นเวลานานๆ ไม่ควรงีบหลังบ่าย 3 โมง เพราะจะทำให้กลางคืนหลับยาก
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อทบทวนยาที่อาจทำให้นอนไม่หลับและรักษาต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
7. หากต้องใช้ยานอนหลับ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากการใช้ยาอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ติดได้
นอกจากนี้ อาการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุอาจเกิดจากปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้เช่นเดียวกัน ทำให้นอนหลับไม่สนิท และมีความกังวลกลัวว่าจะปัสสาวะเรี่ยราด ดังนั้น หากมีโรคดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมไปถึงการออกกำลังกายและขยับเขยื้อนให้กล้ามเนื้อร่างกายแข็งแรงขึ้นหรือฝึกการกลั้นปัสสาวะ
ปัญหาการนอนไม่หลับส่งผลเสียต่อผู้สูงอายุอย่างมาก ดังนั้น ควรจัดห้องนอนให้เอื้อต่อการนอนหลับที่ดี และหากผู้สูงอายุมีโรคต่างๆ ควรเร่งรักษาโดยเร็ว
ในผู้สูงอายุ เรามักพบปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้บ่อยๆ เนื่องจากสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยล
ถ้าพูดถึงการตรวจโรค การตรวจปัสสาวะ เป็นวิธีการตรวจโรคที่มีประโยชน์มา
หากพูดว่า “สมองฝ่อ” เรามักสงสัยว่า เมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้น จะสามารถเป็นโรคสม
ถ้าคุณเป็นผู้สูงอายุ หรือกำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่ช่วงวัยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ
ข้อเข่าเสื่อม พบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ เรียกได้ว่า อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทุกท่าน