เป็นโรคไต ทานอะไรดี



โรคไต เป็นโรคที่พบได้มากในผู้สูงอายุ ซึ่งเมื่อเป็นแล้ว ส่งผลต่อการใช้ชีวิต และสร้างความทรมานให้กับผู้ที่เป็น ผู้ที่เป็นโรคไต จึงควรดูแลตนเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน

อาหารของผู้ป่วยโรคไต
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ควรเลือกทานอาหาร หรือมีหลักในการทานอาหาร ดังนี้

1. ทานให้ครบ 5 หมู่
แม้จะป่วยเป็นโรคไต แต่การทานอาหารให้ครบหมู่เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ โดยควบคุมปริมาณอาหารแต่ละหมู่ตามระยะของโรค

2. จำกัดสารอาหารโปรตีน
หากทานโปรตีนมากเกินไป จะมีของเสียผ่านไตมาก ไตจึงต้องทำงานหนักขึ้นไปด้วย

3. จำกัดอาหารที่มีโซเดียมสูง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวม และทำให้ไตทำงานหนัก อาหารที่มีโซเดียมสูง ได้แก่ เครื่องปรุงต่างๆ อาหารหมักดอง เครื่องเทศ สมุนไพร มะนาว น้ำตาล เป็นต้น

4. จำกัดอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง
เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ปลาทั้งกระดูก นม โยเกิร์ต เนยแข็ง ช็อกโกแลต น้ำอัดลมสีพวกโคล่า

5. จำกัดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
เช่น ผักสีเขียวเข้ม ผักสีเหลือง และผลไม้บางอย่าง การทานผักควรลวกหรือต้ม จะช่วยให้โพแทสเซียมต่ำลง

6. น้ำ
ไม่ควรดื่มน้ำเกินวันละ 3-4 แก้ว เพื่อลดการบวมน้ำ ความดันโลหิตสูง และทำให้ไม่ปัสสาวะบ่อยเกินไป เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตจะมีการขับปัสสาวะได้ลดลง

7. ขนมหวาน
สามารถทานได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกะทิ เนย เนยแข็ง ผงฟู แต่หากมีเบาหวานร่วมด้วย ควรงดทานขนมหวาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับพลังงานที่เพียงพอในแต่ละวัน จึงควรเน้นไขมันเป็นไขมันพืชในการปรุงอาหาร และหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์ รวมถึงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง


บทความที่เกี่ยวข้อง

ผู้สูงอายุที่อ่อนแรง ดูแลตนเองอย่างไร

สุขภาพร่างกายของคนเราจะดีได้นั้น มีองค์ประกอบอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ ระบบร่างกายที่ทำง

โรคกระดูกและข้อ ในผู้สูงอายุ

โรคกระดูกและข้อที่มักพบในผู้สูงอายุ คือ โรคข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเก

ดูแลตัวเอง เมื่อเป็นโรคตาแห้ง

ผู้สูงอายุ มักมีอาการต่างๆ ในทางที่ไม่ดี หรือเจ็บป่วยได้บ่อย เนื่องจากสภาพร่างกายที่เสื่อมถอย และการทำ

แก้ปัญหาการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักมีอาการนอนไม่หลับ จึงทำให้เสียสุขภาพจิต อารมณ์รุนแรง ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และสุขภาพอ่อนแอ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ มีด้

5 สมุนไพร ห่างไกลความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีผู้เป็นมากถึงพันล้านคนในโลกนี้ ซึ่งพบได้ในผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ

ดูแลตนเองอย่างไร เมื่อเป็นโรคหัวใจขาดเลือด

โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เกิดจากการตีบและแข็งของหลอดเลือดแดงที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ