
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต คุณอาจอยากมีความสุขมากที่สุด ได้พักผ่อน ได้ทานของอร่อย แต่การกินดีอยู่ดีจนเกินไป ก็ใช่ว่าจะทำให้คุณมีความสุขเสมอไป เพราะคุณอาจเป็น “โรคเกาต์” ได้
โรคเกาต์ เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย มักเกิดจากการอยู่ดีกินดีมากเกินไป โดยที่ไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดกระบวนการใช้และขับถ่ายสารพวกพิวรีนของร่างกายผิดปกติไปมีผลให้กรดยูริกถูกผลิตขึ้นมามากกว่าที่ร่างกายขับออก จึงสะสมอยู่ในร่างกาย จนเป็นสาเหตุให้เจ็บปวดข้อกระดูกอย่างรุนแรง
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกาต์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ ตับอ่อน ตับ ม้าม ลิ้น เป็นต้น ซึ่งในบางรายอาจต้องจำกัดอาหารบางประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
อาหารที่ควรงด
- พวกเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ตับอ่อน ไส้อ่อน หัวใจ ลิ้น เป็นต้น
- กะปิ
- ปลาซาดีน ปลาซาดีนกระป๋องไข่ปลา
- น้ำซุปสกัดจากเนื้อ หรือน้ำเคี่ยวเนื้อน้ำเกรวี
อาหารที่ควรลดและจำกัดปริมาณ
- เนื้อสัตว์ ลดเหลือวันละ 1 มื้อ
- ปลาทุกชนิด และอาหารทะเล
- เบียร์ และเหล้า
- ถั่วบางอย่าง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา
- ผักบางอย่าง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดอก ผักโขม เห็ด เป็นต้น
- ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลีที่ไม่ได้เอารำออก
อาหารที่ทานได้ตามปกติ
- ข้าวต่างๆ ยกเว้นข้าวโอ๊ต ข้าวสาลีที่ไม่ได้สีเอารำออก
- ผัก ยกเว้นผักชนิดที่ระบุให้จำกัด
- ผลไม้ น้ำนม ไข่ ขนมปังเสริมวิตามิน
- เนย และเนยเทียม
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ ไม่ได้ยุ่งยากในการทานอาหารมากนัก เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการทานอาหาร และงดอาหารบางประเภท นอกจากนี้ จึงควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ก็จะช่วยป้องกันอาการของโรคและความรุนแรงได้
แค่ได้ฟังว่า เกิดภาวะเลือดออกในโพรงสมอง ก็รู้สึกว่าอันตรายแล้ว ซึ่ง
ในผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ผิวเริ่มจะแห้งมากขึ้น และเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ผิวมักจะแห้งกร้านมาก และมี
ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีผู้เป็นมากถึงพันล้านคนในโลกนี้ ซึ่งพบได้ในผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ
โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และสามารถตรวจพบได้ง
การขับถ่าย เป็นสุขอนามัยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน และมีความจำเป็นในการดำรงชีวิต มนุษย์เร