ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เป็นติ่งที่มีก้านติดกับผิวหนัง ขนาดประมาณ 1-5 มิลลิเมตร สีเดียวกับผิวหนัง หรือเข้มกว่า มีลักษณะนุ่ม และมักไม่ค่อยมีการเจริญเติบโต เป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่มะเร็ง และไม่เคยพบว่าสามารถกลายเป็นเนื้องอกมะเร็งได้ พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปซึ่งเกิดได้ในทั้งเพศชายและหญิง
ติ่งเนื้อ มักพบได้ในบริเวณที่ผิวหนังมีการเสียดสีกัน เช่น รักแร้ คอ ขาหนีบ ก้น เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดบริเวณใบหน้าได้เช่นกัน หรือเกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ และมักพบในคนอ้วน ผู้เป็นเบาหวาน เป็นโรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจอีกด้วย
การรักษา
หากเป็นติ่งเนื้อ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งหากตรวจพบว่าเป็นติ่งเนื้อจากหูด ต้องตัดทิ้ง และหากเป็นติ่งเนื้อธรรมดา ก็สามารถให้แพทย์กำจัดออกให้ได้เช่นเดียวกัน
ติ่งเนื้อทั่วไป ไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะไม่ใช่โรคใด และไม่กลายเป็นมะเร็ง ซึ่งก้อนเนื้ออาจบิดหลุดไปได้เอง แต่หากต้องการรักษา แพทย์จะใช้การตัดออก ด้วยใบมีดโกน กรรไกร การตัดด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ ซึ่งจะเป็นแผลตื้นๆ และสามารถดูแลรักษาเหมือนเป็นแผลถลอกทั่วๆ ไป
การดูแลตนเอง และการป้องกันติ่งเนื้อ
หากเป็นติ่งเนื้อ คุณควรดูแลตนเองดังนี้
- ไม่ควรเกาเพราะอาจเกิดแผล หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
- ลดการเสียดสีในบริเวณที่เป็นติ่งเนื้อ เช่น ไม่ใส่เครื่องประดับ ไม่สวมเสื้อผ้าที่ทำให้เกิดการเสียดสี เป็นต้น
สำหรับการป้องกันการเกิดติ่งเนื้อ เนื่องจากยังไม่ทราบกลไกการเกิดที่ชัดเจน จึงไม่สามารถป้องกันได้อย่าง 100% แต่คุณสามารถลดปัจจัยเสี่ยงได้ ดังนี้
- ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วน
- ใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่รัดรูปจนเกินไป
- เลือกใส่เครื่องประดับอย่างระมัดระวัง
ติ่งเนื้อ แม้จะไม่มีผลข้างเคียง ไม่กลายเป็นโรคมะเร็ง และไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้สูงอายุ แต่ก็มีผลต่อความสวยงาม และยังอาจก่อให้เกิดความรำคาญในการใช้ชีวิต หากคันก็ไม่สามารถเกาได้เพราะอาจเกิดแผล และติดเชื้อ ดังนั้น ทางที่ดี ควรป้องกันไว้จะดีกว่าแก้นะคะ
แม้ว่าผู้สูงอายุในครอบครัวของคุณจะผ่านช่วงวัยหนุ่มสาวมาอย่างไร หรือแข็งแรงมากแค่
โรคที่เมื่ออาการกำเริบแล้วอาจส่งผลถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต เชื่อว่าหลายๆ คนคงนึกถึ
เมื่อถึงวัยที่อายุเพิ่มมากขึ้น การดูแลตนเองเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากการใส่ใจในเรื่องของโภชนาก
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะทำงานได้ลดลง ประสิทธิภาพด้อยลง และส่งผ
เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายคนเรามักเริ่มมีการเสื่อมโทรมของอวัยวะต่างๆ อันเป็นสาเหต